การสนับสนุนการเปลี่ยนแปลง
และผลักดันเชิงนโยบาย
มูลนิธิเพื่อสุขภาพและสิทธิอนามัยการเจริญพันธุ์ของสตรีแห่งประเทศไทย ได้มีส่วนร่วมในเรื่องการป้องกันการแท้งที่ไม่ปลอดภัยมาเป็นเวลานานเริ่มตั้งแต่ปีพ.ศ. 2541 เป็นต้นมาโดยประสานความร่วมมือในการทำงานร่วมกับกองอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบงานอนามัยการเจริญพันธุ์ระดับประเทศ, วิทยาลัยสูตินารีแพทย์ในพระบรมราชูปถัมภ์, และแพทยสภา ในการศึกษาหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเรื่องสุขภาพอนามัยและสิทธิการเจริญพันธุ์ของสตรีในประเทศไทย
ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2541 เป็นต้นกระทั่งถึงปัจจุบัน มูลนิธิเพื่อสุขภาพและสิทธิอนามัยการเจริญพันธุ์ของสตรีแห่งประเทศไทยและองค์การภาคีเหล่านี้มีความมุ่งมั่น ในการลดการแท้งที่ไม่ปลอดภัยทั่วทั้งประเทศซึ่งความสำเร็จที่ปรากฏชัดเจนที่สุดก็คือ การผลักดันการแก้ไขข้อบังคับแพทยสภาเมื่อปีพ.ศ. 2548 ที่อนุญาตให้การยุติการตั้งครรภ์ทางการแพทย์คลอบคลุมประเด็นสุขภาพจิตของผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อม หรือเด็กในครรภ์มีปัญหาด้วย ซึ่งข้อบังคับใหม่ของแพทยสภาว่าด้วยการยุติการตั้งครรภ์นี้จะทำให้เงื่อนไขการขอยุติการตั้งครรภ์ของผู้หญิง ครอบคลุมได้กว้างขึ้นและข้อบังคับนี้ได้ประกาศอย่างเป็นทางการและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนธันวาคม พ.ศ. 2548
กิจกรรมด้านอื่นๆที่มูลนิธิเพื่อสุขภาพและสิทธิอนามัยการเจริญพันธุ์ของสตรีแห่งประเทศไทย และองค์การภาคีได้ร่วมกันผลักดันในเชิงนโยบายมีดังต่อไปนี้
- ประชุมกับองค์การอาหารและยาเพื่อหาทางออกในการยกเลิกข้อห้ามและขอให้มีการบรรจุยา มีสโซโพรสโทล(Misoprostol) ในบัญชียาหลักของทางราชการ ซึ่งจะทำให้ทางโรงพยาบาลรัฐและเอกชนทั้งหลายสามารถใช้ยานี้ได้ในการยุติการตั้งครรภ์ทางการแพทย์ จากการร่วมประชุมในครั้งนี้ประธานและผู้จัดการอาวุโสโครงการของมูลนิธิฯ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมการในการผลักดันเรื่องการเข้าถึงตัวยาไมโซโพรสโทล(Misoprostol) เพื่อใช้ในงานด้านสูตินารีแพทย์ รวมทั้งการผลักดันการจดทะเบียนยาตัวอื่นในประเทศไทยด้วยเช่น ยาไมเฟ็บพริสโทน (Mifepristone) ซึ่งก็มีความจำเป็นในงานด้านสูตินารีแพทย์เช่นกัน
- จัดประชุมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อชี้แจงการบังคับใช้กฎหมายการทำแท้งและกฎข้อบังคับใหม่ของแพทยสภาว่าด้วยการยุติการตั้งครรภ์ทางการแพทย์ เพื่อให้เกิดความเข้าใจร่วมกันว่าและจะได้มีการสั่งการในระดับล่างของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าการยุติการตั้งครรภ์ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดโดยแพทยสภา ถือว่าทำได้โดยไม่ผิดกฎหมายและตำรวจไม่ควรจะจับกุมแพทย์ที่ดำเนินการในกิจกรรมดังกล่าว
- จัดแถลงข่าวกับนักข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์การแท้งที่ไม่ปลอดภัยและผลกระทบที่ตามมา และได้ชี้แจงเรื่องการแก้ไขข้อบังคับของแพทยสภาว่าด้วยการยุติการตั้งครรภ์ทางการแพทย์ รวมทั้งอธิบายความจำเป็นในการเข้าถึงบริการการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิงให้นักข่าวได้ทราบ เพื่อที่จะได้ช่วยสนับสนุนให้ผู้หญิงทั้งหลายได้เข้าถึงบริการการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยมากขึ้น
- พบปะและประชุมกับเครือข่ายองค์กรเอกชนทำงานด้ายผู้หญิงเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล และรับรู้ปัญหาเรื่องการตั้งท้องที่ไม่พร้อม ปัญหาการเข้าถึงบริการของผู้หญิงเหล่านี้ พร้อมรับฟังข้อเสนอว่าผู้หญิงเหล่านี้ต้องการบริการแบบไหนเพื่อนำข้อเสนอแนะไปเสนอแก่รัฐบาลในการปรับปรุงต่อไป
- ทำงานร่วมกับกรมอนามัยในการผลักดันการผ่านร่างกฎหมายอนามัยการเจริญพันธุ์ ซึ่งจะมีผลอย่างมากในการพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์ของสตรีในประเทศไทย ตอนนี้กรมอนามัยกำลังเตรียมร่าง เพื่อเสนอให้ผ่านเป็นกฎบัญญัติของกระทรวงสาธารณสุขซึ่งจะทำได้ง่ายกว่าการผลักดันให้ผ่านเป็นกฎหมายมหาชน
- จัดสัมมนาประจำปีในระดับนโยบายแห่งชาติในช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2550 ที่จังหวัดเชียงราย โดยจัดร่วมกับกรมอนามัย ราชวิทยาลัยสูตินารีแพทย์ในพระราชูปถัมภ์ แพทยสภา องค์กรพัฒนาประชากรแห่งประเทศไทย (PDA) และองค์กรอนามัยโลกประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนกับผู้นำระดับสูง เช่น ประธานแพทยสภาและสมาคมแพทย์แห่งประเทศไทย ประธานราชวิทยาลัยสูตินารีแพทย์ ประธานมูลนิธิเพื่อสุขภาพและสิทธิอนามัยการเจริญพันธุ์ของสตรีแห่งประเทศไทย เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุขเช่นรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้อำนวยการ อัยการ ทนาย รวมทั้งคุณมีชัย
วีระ ไวทยะ สมาชิกวุฒิสภาในขณะนั้น จากการประชุมครั้งนี้ผู้อำนวยการกรมอนามัยได้ทำหนังสือแจ้งให้กับโรงพยาบาลและสถานบริการ ภายได้การดูแลของกรมอนามัยให้ปฎิบัติตามนโยบายของกรมอนามัย ในการให้บริการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยและการให้การดูแลครั้งการยุติการตั้งครรภ์อย่างมีมาตรฐานด้วย
บทสรุปสำหรับผู้บริหารระดับสูงเกี่ยวกับการแท้งที่ไม่ปลอดภัยในประเทศไทย
|